EVER มั่นใจปี 65 อสังหาฯแนวราบยังไปได้สวยเตรียมเปิด 2 โครงการใหม่ มูลค่า 1,500 ล้านบาทพร้อมลุยโปรเจค Solar Rooftop นำร่องแนวราบย่านสุวินทวงศ์
บมจ.เอเวอร์แลนด์ (EVER) เปิดแผนปี 65 มองแนวโน้มอสังหาฯแนวราบยังไปได้สวย เตรียมส่ง 2 โปรเจคใหม่มูลค่ากว่า 1,500 ล้านบาท บุกตลาด เริ่มจาก ทาวน์โฮม แบรนด์ "เอเวอร์ ซิตี้”โครงการสุขสวัสดิ์ 30 – พุทธบูชา เฟส 3 มูลค่า 300 ล้านบาท และโครงการบ้านเดี่ยว แบรนด์ “มายโฮม ซิลเวอร์เลค” ในโครงการ “ Silverlake Park VIND” ย่านสุวินทวงศ์ มูลค่า 1,200 ล้านบาท พร้อมติดตั้งSolar Rooftop นำร่องแนวราบย่านสุวินทวงศ์ เป็นแห่งแรก ตอบโจทย์ยุค New Normal รับกระแสWork from Home
นายสวิจักร์ โลจายะ ประธานกรรมการ บริษัท เอเวอร์แลนด์ จำกัด (มหาชน) (EVER) ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์คอนโดมิเนียมภายใต้แบรนด์ “เดอะโพลิแทน” ทำเลย่านสนามบินน้ำ ,โครงการแนวราบบ้านเดี่ยว แบรนด์ “มายโฮม ซิลเวอร์เลค/ซิลเวอร์เลค พาร์ค” “มายโฮม อเวนิว” และทาวน์โฮม แบรนด์“เอเวอร์ ซิตี้” เปิดเผยว่า แผนการดำเนินงานในปี 2565 บริษัทฯยังให้ความสำคัญในการขยายโครงการแนวราบต่อเนื่อง ซึ่งถือเป็นตลาดที่ยังเติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง และจากกำลังซื้อที่แท้จริง
โดยเห็นได้จากยอดขาย ทาวน์โฮมแบรนด์ "เอเวอร์ ซิตี้” และบ้านเดี่ยวแบรนด์ “มายโฮม ซิลเวอร์เลค” ในช่วงที่ผ่านมากระแสตอบรับดี มียอดขายที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้สถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ทำให้ลูกค้าหันมาให้ความสำคัญกับพื้นที่ใช้สอย ฟังก์ชั่นที่เอื้อต่อการทำงานที่บ้านมากขึ้น โดยบ้านแนวราบในทำเลชานเมืองจะได้รับความนิยมสูงขึ้น
ในปี 2565 การพัฒนาโครงการใหม่ของบริษัทฯ จะเป็นการขยายเฟส และเป็นโครงการแนวราบ จำนวน2 โครงการมูลค่ารวม 1,500 ล้านบาท ประกอบด้วย ทาวน์โฮม แบรนด์ “เอเวอร์ ซิตี้ โครงการสุขสวัสดิ์30 – พุทธบูชา เฟส 3 จำนวน 99 ยูนิต มูลค่าโครงการ 300 ล้านบาท และการเปิดขายบ้านเดี่ยวแบรนด์ “มายโฮม ซิลเวอร์เลค” ในโครงการซิลเวอร์เลค พาร์ค ย่านสุวินทวงศ์ “ Silverlake Park VIND ” จำนวน177 ยูนิต มูลค่าโครงการ 1,200 ล้านบาท ซึ่งจะเป็นโครงการที่มีการเตรียมระบบไฟฟ้าในบ้านไว้เพื่อรองรับการติดตั้งระบบการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ (Solar Cell Rooftop ) โดยในเบื้องต้นจะนำร่องในการพัฒนาการติดตั้ง Solar Cell ในบ้านตัวอย่างจำนวน 4 แปลง
ทั้งนี้ คาดว่าจะติดตั้งแล้วเสร็จอย่างเร็วที่สุดในไตรมาส4/2564 ซึ่งถือได้ว่าเป็นโครงการนำร่องโปรเจคแรกในแนวราบที่ติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าจากเซลล์แสงอาทิตย์บนหลังคา ตอบโจทย์ยุค New Normal เนื่องจากผู้บริโภคส่วนใหญ่ ใช้เวลาอยู่กับบ้านมากขึ้น รับกระแส Work from Home